พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 2509 พิมพ์ทรงเจดีย์
พระสมเด็จบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) จ.กรุงเทพ ฯ จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2509 โดยได้มีการจัดสร้าง และเตรียมการมาก่อน คือเริ่มสร้างมาตั้งแต่เดือนตุลาคม มาแล้วเสร็จเมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ทำพิธีการสร้างตำผงกดพิมพ์พระกันภายในพระอุโบสถ โดยหลวงพ่อชม เป็นผู้กดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ จากนั้นคณะกรรมการต่าง ๆ ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทำจนสำเร็จในที่สุด
รายนามพระเถรานุเถระ พระคณาจารย์ ที่นั่งปรกบริกรรมปลุกเสก มีดังนี้
1. ท่านเจ้าประคุณพระเทพสิทธินายก (หลวงปู่นาค) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ฯ
2. ท่านเจ้าประคุณพระราชธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม นครปฐม
3. หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามาง่าม นครปฐม
4. ท่านพระครูประสาธน์วิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
5. ท่านเจ้าคุณวิมลกิจจารักษ์ วัดชนะสงคราม กรุงเทพ ฯ
6. ท่านพระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม) วัดช้างให้ ปัตตานี
7. ท่านอาจารย์อำพล วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพ ฯ
8. ท่านอาจารย์สาธิต วัดวชิรธรรมสาธิต กรุงเทพ ฯ
9. ท่านอาจารย์แต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี
พระสวดพุธาภิเษกจากวัดสุทัศน์ ฯ มีพระครูปลัดวิสุทธิวัตร เป็นหัวหน้า
ลักษณะการสร้าง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1.ประเภทให้บูชาเพื่อนำไปบรรจุกรุในพระเจดีย์ ให้ทำบุญองค์ละ 1 บาท ด้านหลังจะปั๊มคำว่า "บรรจุ" จำนวนรวมกันทั้งหมดทุกพิมพ์ 84,000 องค์
2.ประเภทให้บูชาทำบุญและนำติดตัวกลับบ้าน ให้ทำบุญองค์ละ 10 บาท ยกเว้นพิมพ์ไสยาสน์ ทำบุญองค์ละ 25 บาท รวมไปถึงทำบุญเป็นกล่องชุด 11 พิมพ์ (ยกเว้นพิมพ์ไสยาสน์ ) ทำบุญุชุดละ 100 บาท ด้านหลังจะประทับตราเจดีย์ ซึ่งจำนวนการสร้างพระในประเภทนี้มีทั้งหมด 84,000 องค์เช่นกัน เพียงแต่ภายหลังคัดพระที่ชำรุดแตกหักไม่สมบูรณ์ออกจึงเหลือเพียงประมาณ 72,518 องค์ เนื้อหามวลสาร มวลสารหลักของพระบางขุนพรหม ปี 09 คือ ชิ้นส่วนพระชำรุดแตกหักดินกรุที่ได้จากการเปิดกรุของทางวัดเมื่อปี พ.ศ. 2500 ผงพุทธคุณจากพระคณาจารย์ต่างๆรวมไปถึง ปูนขาว ปูนเปลือกหอย น้ำมันตังอิ๊ว น้ำผึ้ง เกสรดอกบัวหลวง ดอกพิกุล ฯลฯ
ประวัติการจัดสร้าง
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์
วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2502 ทำพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ ตลอดจนถึงงานผูกพัทธสีมา หล่อพระพุทธรูป หล่อพระรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) และสร้างพระพิมพ์ผง (พระเครื่อง) อันมีกำหนดงานวันที่ 4-10 มกราคม พ.ศ.2509 ซึ่งเป็นปีที่สำเร็จเสร็จสิ้นในการสร้างพระอุโบสถ ดังเช่นที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน และนั้นถือเป็นจุดกำเนิดพระพิมพ์เนื้อผงจำนวน 12 พิมพ์ ที่มีชื่อเรียกว่า พระบางขุนพรหม ปี พ.ศ. 2509 หรือพระบางขุนพรหม 09 โดยมี พลเอกประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย คุณหญิงไสว จารุเสถียร เป็นประธานให้การอุปถัมภ์ พล.ท.กฤษณ์ สีวะรา เป็นประธานจัดงานผูกพันธสีมา กำลังสำคัญในการดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงไปเป็นอย่างดีคือ พระครูบริหารคุณวัตร (ชม) ขณะนั้นเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส และ พระครูอมรคณาจารย์ (เส็ง) เป็นเจ้าอาวาส สรุปใจความสำคัญของานในครั้งนั้นคือ
วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2509 เวลา 15.55 น. พล.อ.ประภาส จารุเสถียร จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พล.ท.กฤษณ์ สีวะรา อ่านรายงานและประธานกล่าวตอบ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เวลา 20.27 น. พระสงฆ์ 4 รูป เริ่มสวดพุทธาภิเษกพระคณาจารย์นั่งปรกบริกรรมปลุกเสก
วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2509 ทำการแจกสมนาคุณ พระรูป ฯ และพระพิมพ์ให้ประชาชนร่วมบูชาทำบุญ ทั้งนำบรรจุกรุ และนำบูชาติดตัวกลับบ้าน
วันพฤหัสบดี ที่ 6 วันศุกร์ ที่ 7 วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2509 บำเพ็ญกุศลปิดทองลูกนิมิต พร้อมทั้งให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคบูชาพระพิมพ์
วันอาทิตย์ ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2509 เวลา 16.40 น. อันเชิญศิลาจารึกพระปรมาภิไธย และพระฤกษ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานประดิษฐาน ณ พระอุโบสถแล้วประกอบประกอบพิธีเททอง พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย ปางมารวิชัย หน้าตัก 16 นิ้ว จำนวน1 องค์ รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หน้าตัก 29 นิ้ว จำนวน 1 องค์ ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว จำนวน 109 องค์
วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2509 เวลา 19.30 น. พระสงฆ์ 84 รูป เจริญพระพุทธมนภายในพระอุโบสถ เวลา 21.01 น. สมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพล ประกอบพิธีผูกพันธสีมา
สำหรับรูปเหมือนเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หน้าตัก 29 นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐานภายในซุ้ม ข้างพระเจดีย์ซึ่งเป็นที่บรรจุกรุพระบางขุนพรหม 09 กึ่งกลางระหว่างพระเจดีย์ และพระอุโบสถ พร้อมกันนั้นภายในซุ้มดังกล่าวยังประดิษฐาน แผ่นศิลาจารึกพระประมาภิไธย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ รัชกาลที่ 9 และพระฤกษ์ (ทรงเจิมให้เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เวลา 10.30 น. ณ พระตำหนักจิตรลดาโหฐาน)
พุทธลักษณะ บล็อกแม่พิมพ์ พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 09 มีบล็อกแม่พิมพ์หลายตัวเนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำแม่พิมพ์ครั้งนั้นชำรุดแตกหักได้ง่าย เช่น ปูนพาสเตอร์ ซีเมนต์ขาว ยางทำฟัน เป็นต้น เมื่อกดพิมพ์พระไปสักระยะแม่พิมพ์จะเริ่มชำรุดเสียหาย ต้องถอดพิมพ์ทำบล็อกใหม่ เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้จำนวนพระตามต้องการในพระทุกพิมพ์ กล่าวกันว่า เฉพาะพระพิมพ์ใหญ่เพียงพิมพ์เดียว มีแม่พิมพ์ถึง 27 แม่พิมพ์ สำหรับพิมพ์เกศทะลุซุ้มนั้น ครั้งแรก ๆ ก็เป็นพิมพ์ใหญ่ธรรมดา ต่อมาบังเอิญตรงซุ้มเกิดกะเทาะ จึงแต่งเพิ่มกลายเป็นพิมพ์เกศทะลุซุ้ม เป็นต้น
การจำแนกพิมพ์ ประกอบด้วยพระพิมพ์ต่างๆ รวม 12 พิมพ์ คือ
1. พิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์พระประธาน
2. พิมพ์เส้นด้าย
3. พิมพ์ทรงเจดีย์
4. พิมพ์เกศบัวตูม
5. พิมพ์สังฆาฏิ
6. พิมพ์ปรกโพธิ์
7. พิมพ์ฐานคู่
8. พิมพ์ฐานแซม
9. พิมพ์อกครุฑ
10. พิมพ์ไสยาสน์
11. พิมพ์คะแนน
12. พิมพ์จันทร์ลอย
ช่างผู้แกะบล็อกแม่พิมพ์ พอแบ่งได้ 4 ผีมือช่างคือ
1. ลุงแฉล้ม บัวเปลี่ยนสี มีด้วยกันหลายพิมพ์ ลักษณะจะคลายพิมพ์มาตรฐานของวัดแต่จะแตกต่างออกไปบ้างเป็นเอกลักษณ์ เช่น องค์ค่อนข้างผอม รวมไปถึงพิมพ์พิเศษบางพิมพ์
2. มานิตย์ ปฐพี(สมัยนั้นมียศเป็นจ่าทหารเรือ ) รับผิดชอบแกะแม่พิมพ์บล็อกวัดตามพิมพ์มาตรฐานที่พบในการเปิดกรุ รวมไปถึงพิมพ์พิเศษอีกจำนวนหนึ่ง
3. ช่างเกษม มงคลเจริญ ซึ่งได้เข้ามาช่วยเหลือในช่วงระยะสุดท้ายแล้ว แม่พิมพ์ที่แกะจะมีความสวยงามคมชัดลึกมากเป็นพิเศษ
4. บล็อกกรรมการ หมายถึงผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้ามาช่วยในการสร้างพระบางขุนพรหมปี 09 และมีพระกรุบางขุนพรหมอยู่ในครอบครองจึงนำมาถอดแม่พิมพ์ ทำเป็นบล็อกแม่พิมพ์ในการกดพิมพ์พระ ซึ่งพระบล็อกนี้โครงสร้างของพิมพ์ทรงจะคล้ายและใกล้เคียงกับพระกรุบางขุนพรหม มากเพียงแต่ขนาดเล็กกว่า พร้อมทั้งตื้นกว่า ด้วยสาเหตุการถอดพิมพ์มานั้นเอง